'อรุณี' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอดีต
ดิฉันเคยเป็นเด็กอยุธยา อยู่อำเภอบางปะหัน บ้านเดียวกับพระะเอกชื่อดังสรพงศ์ ชาตรี พวกเราส่วนมากมีอาชีพทำไร่ทำนา หรือที่เขายกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ...แต่ทำท่าว่าจะกระดูกหักมาหลายสิบปีแล้ว เพิ่งจะมาลืมตาอ้าปากได้บ้างในปีนี้เอง
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ดิฉันขอเล่าเรื่องสยองขวัญสู่กันฟังเลยนะคะ
เรื่องผีๆ สางๆ คิดว่าเป็นธรรมดาของคนต่างจังหวัด ที่ร่ำลือกันว่าผีดุ ทั้งผีที่ตายในสงครามกับพม่า โดยเฉพาะศึกใหญ่ที่เราต้องเสียกรุงเมื่อปี 2310 แม้ว่าจะยืนหยัดต่อสู้ข้าศึกได้ถึงปีกว่าๆ แต่ก็เป็นพ่ายแพ้ในที่สุด
ผู้ใหญ่หลายๆ คนเชื่อว่าทหารและชาวบ้านที่ล้มตายในสงครามโหดมีหลายหมื่นคน...ดวงวิญญาณที่เจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานยังสิงสู่อยู่ที่เดิม ไม่ยอมไปผุดไปเกิด คล้ายจะคอยจ้องมองดูลูกหลานรุ่นหลังๆ ว่าจะสำนึกถึงความเจ็บปวดในอดีตหรือไม่?
สมัยนั้นดิฉันเพิ่งจะสิบขวบเศษ ในหมู่บ้านของเราประมาณ 30 หลังคาเรือนได้ล้วนแต่อยู่กันอย่างสงบสุขตามสภาพ ปีไหนฝนฟ้าบริบูรณ์ก็พอจะยิ้มได้ แต่ถ้าฝนแล้งน้ำท่วมก็แย่หน่อย บ้านเรือนปลูกอยู่ติดๆ กัน ใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือกันเท่าที่จะทำได้
ปีที่เกิดเหตุขนหัวลุก มีสาเหตุมาจากเมียน้าเข้มหรือน้าชบาตั้งท้องลูกคนแรกค่ะ!
น้าเข้มจัดการตัดไม้มากองไว้หน้าบ้านสำหรับเมียอยู่ไฟ เพื่อนบ้านก็ช่วยเอาหนามไผ่และหนามพุทรามากั้นรั้วเพื่อป้องกันผีกระสือ เมื่อถึงกำหนดคลอด ยายเอี่ยมหมอตำแยก็ถูกตามตัวมาที่บ้านน้าเข้ม ผู้หญิงเพื่อนบ้านสามสี่คนก็ไปช่วยเหลือ ไม่ว่าต้มน้ำร้อน ช่วยข่มท้องและช่วยแบ่งกันเป็นที่วุ่นวาย
แม่ดิฉันก็ไปช่วยเขาด้วย แล้วมาเล่าว่าเกิดเหตุสยองจนขนลุกไปตามๆ กัน ขนาดยายเอี่ยมที่ทำคลอดเด็กในหมู่บ้านมาหลายสิบคนยังหน้าซีดเซียวเหมือนจะเป็นลม
เด็กคลอดยากคลอดเย็นเหลือกำลังค่ะ!
น้าเข้มยืนอัดควันยาใบตองอยู่หน้าห้อง เสียงน้าชบาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาไม่ขาดระยะ ครั้นจะโผล่เข้าไปดูด้วยความห่วงใยก็ถูกไล่ออกมา...แต่เสียงร้องโอดโอยสลับกับเสียงร้องไห้ ทำให้น้าเข้มต้องผลุนผลันลงไปเรือนไปที่ร้านเหล้าเจ๊กซ้ง สั่งเหล้าขาวมาดับอารมณ์ที่เร่าร้อนเต็มที
เด็กไม่ยอมออกค่ะ น้าชบาเบ่งจนหมดแรงไม่รู้กี่ครั้ง ป้าแจ่มกับแม่ดิฉันช่วยข่มท้อง แสนสงสารน้าชบาที่โหนตัวหน้าตาบิดเบี้ยว เจ็บปวดจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มหน้า
'เด็กคงตายในท้องแล้วละ' ยายเอี่ยมบอกเสียงแหบปร่า แทบไม่ขาดคำก็สะดุ้งเฮือก อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพนั้นได้เต็มตา
คุณพระช่วย! เด็กในท้องยื่นขาออกมาข้างหนึ่ง แล้วกดกลับเข้าไป ครู่หนึ่งก็ยืนขาอีกข้างออกมาคล้ายจะยั่วเย้าหรือหลอกหลอน...ขาเล็กๆ ที่เขียวคล้ำจนน่าใจหาย ครั้นยึดขาไว้ได้เดี๋ยวเดียวก็หดกลับเข้าไปข้างใน
พร้อมๆ กันนั้น น้าชบาร้องกรี๊ดสุดเสียงแล้วคอพับลงมา แน่นิ่งไปในบัดดล!
ตายทั้งแม่ทั้งลูก...หรือตายทั้งกลมนั่นแหละค่ะ บรื๋อออ...
น้าเข้มเสียใจแทบเป็นบ้า พังกองฟืนสำหรับให้เมียอยู่ไฟก็ถูกพังทลายเกลื่อนกลาด เมาเหล้าจนหัวราน้ำ ญาติๆ กับเพื่อนบ้านต้องจัดการงานศพให้ ส่วนน้าเข้มต้องบอกว่าสิ้นสภาพจริงๆ ค่ะ
ปีศาจน้าชบากับลูกขึ้นจากหลุมมาปรากฏตัวหลังจากนั้นไม่กี่วัน
ยายเอี่ยมหมอตำแยเดินกลับบ้านตอนโพล้เพล้ ต้องผ่านป่าช้าเป็นประจำ ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยมีอะไรผิดปกติ แต่ค่ำนั้นมีเสียงเด็กร้องอุแว้ๆ มาเข้าหูจนยายเอี่ยมขนลุกซ่า ก่อนจะนึกออกว่าอะไรเป็นอะไรก็ได้ยินเสียงเพลงกล่อมลูกดังแว่วมาจากหลุมศพใต้ต้นตะเคียน!
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น? หมอตำแยที่เพิ่งเห็นเด็กผียื่นขาข้างนั้นข้างนี้ออกมาจากท้องแม่ ทั้งๆ ที่ตายจนตัวเขียวไปแล้ว! ยายเอี่ยมวิ่งเตลิดเหมือนคนบ้าในพริบตา
ต่อมาก็มีคนเห็นน้าชบานั่งอุ้มลูกอยู่บนกิ่งตะเคียน ก้มหน้าผมยาวสยายลงมาจ้องมอง เล่นเอาร้องจ้า เผ่นกระเจิงไปตามๆ กัน
ดิฉันฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งคืนหนึ่งก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้เพราะความมึนเมาของน้าเข้มดังมาจากบ้านชั้นบน พูดคุยกับน้าชบาพลางหัวเราะชอบอกชอบใจไปด้วย
แค่นั้นก็น่ากลัวพออยู่แล้วนะคะ พ่อแม่ดิฉันก็ได้ยินเหมือนกัน...เราเชื่อว่าน้าเข้าเพ้อเพราะพิษเหล้า แต่เสียงเด็กแดงๆ ร้อนอุแว้ๆ ตามด้วยเสียงเพลงกล่อมลูก ผสมกับเสียงหัวเราะร่าของน้าเข้มก็ทำให้ดิฉันผวาเข้ากอดแม่...แม่ที่น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวสุดขีด
เสียงสยองเกิดขึ้นบ่อยมาก ไม่แต่เฉพาะบ้านเรานะคะ คนบ้านอื่นๆ แถวนั้นก็ได้ยินกันทุกคน...กว่าปีศาจน้าชบากับลูกจะหายไปก็เล่นเอาพวกเราแทบจะเป็นบ้าไปตามๆ กัน!
ใบหนาด